เรื่องเล่าในโลกแปลกประหลาดหมายเลข 1: นักขี้เกียจ

ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีบุตรชายคนหนึ่งซึ่งอันเป็นที่รักของพ่อแม่ ตามประสาธรรมดาครอบครัวทั่วไป อาศัยอยู่ในบริเวณที่ล้อมรอบไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ มีลำคลองใสสะอาดไหลผ่านกลางหมู่บ้าน ร่มไม้ ลม และเหล่านกช่วยขับกล่อมวิถีชีวิตของสมาชิกในหมู่บ้านให้แช่มช้ามาเนิ่นนาน

สมัยหนึ่ง บุตรชายผู้นั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในตัวเมืองได้ แม้ตัวเลขเกรดจะบอกความเก๋าของเขาได้บ้าง หามีใครรู้ในขณะนั้นไม่ว่าเขาคือนักขี้เกียจชั้นเซียน

ในปีแรกของการเรียน ย่อมมีกิจกรรมหลายอย่างให้นักศึกษาร่วมทำ แต่เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่เข้าสังกัดกลุ่มชุมนุมชมรมใดเลย เหตุผลเพราะขี้เกียจเท่านั้น

เมื่อถึงเวลาและถูกต้องตามฤดูกาล กีฬาสีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีแข่งขันมากมาย ตามประสามหาวิทยาลัยทั้งหลาย ไม่ผิดแผกไปเลย ที่เพิ่มมาพิเศษเป็นครั้งแรกในปีนี้เห็นแต่จะมีกีฬา "แข่งขันความขี้เกียจ" เท่านั้นที่โดดเด่นกว่าประเภทอื่น

เขาเล่ากันว่าผู้ชนะในระดับมหาวิทยาลัยจะได้ไปแข่งต่อในระดับภาค และหากชนะในระดับประเทศ ก็จะได้รับรางวัลที่ทำให้ขี้เกียจไปได้ทั้งชีวิต แต่เดี๋ยวก่อนการแข่งขันมีกติกาอย่างไรเล่า เรื่องนั้นไม่มีใครทราบได้เพราะว่ากติกาไม่ได้ถูกเขียนไว้เพราะเหตุว่ากรรมการขี้เกียจเกินจะมาประชุมตกลงกัน ลงเป็นว่า ยังไม่มีกติกาสำหรับกีฬาชนิดใหม่นี้

เวลาแห่งการแข่งขันใกล้เข้ามาทุกทีมีมนุษย์นักศึกษาที่คิดว่าตนห่วยแตกจำนวนมากมาลงสมัคร ต่างพากันหวังว่าตัวเองจะพาตัวเองเข้าเส้นชัยของกีฬาที่น่าจะเหนื่อยน้อยที่สุดในจักรวาลนี้ แต่สุดท้ายนั้นเจ้าหนุ่มนักขี้เกียจของเรากลับได้รางวัลเพราะขี้เกียจเกินจะไปลงสมัคร เรื่องเล่าลือถึงหูกรรมการจนลงคะแนนเป็นเอกฉันท์ กรรมการที่ลงคะแนนก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะว่าขี้เกียจทำงาน ให้เรื่องมันจบๆ ไปเท่านั้นเอง

ทว่าผู้ชนะจากมหาวิทยาลัยอื่นจำนวนมากต่างก็ชนะด้วยเทคนิคนี้เช่นกัน

ความเป็นมาของกีฬานี้ไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อคณะกรรมการกีฬาแห่งชาติปัจจุบัน หรือ เรียกกันย่อๆ ว่า ค. มีวิสัยทัศน์อันยาวไกลถึงกีฬาแห่งอนาคตที่จะยกทัดเทียมประเทศชาติบ้านเมืองศิวิไลซ์อื่นบ้าง เพราะที่ผ่านมากีฬาที่จะแข่งในระดับประเทศแล้วสร้างชื่อเสียงนั้นก็มีแต่กีฬา "นับดาวมาราธอน" เท่านั้น กติกาของกีฬานี้ก็คือแข่งกันนับดาวทั้งวันทั้งคืน ต้องจดชื่อเวลาและตำแหน่งของดาวในขณะนั้นให้ครบถ้วนถูกต้อง รูปแบบที่ใช้กันมาเนิ่นนานคือตามตารางข้างล่างนี้

วันที่ | เวลา | ชื่อดาว | ละติจูด(ผู้จด) | ลองจิจูด(ผู้จด) | มุมทิศ | มุมเงย | ความสว่าง

การแข่งขันนี้มีข้อแม้อยู่อย่างเดียวว่าห้ามคำนวณหรือทำตารางมาล่วงหน้าเท่านั้น เมื่อแรกเริ่มนั้นหลายชาติต่างไม่เห็นด้วย บ้างแย้งว่านักกีฬาอาจตาบอดเพราะแสงดาวสะสมได้ บ้างก็ว่าการนับดาวจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับหมู่ผู้ถือศาสนาดวงจันทร์ เพราะเหตุว่าศาสนานั้นให้นับดวงจันทร์ได้อย่างเดียวห้ามนับดาว แต่แล้วการแข่งขันครั้งกระนั้นก็ผ่านมาได้ด้วยดี มีผู้(ยอม)แพ้บางคน เลิกกลางคันเพราะทนความน่ารักน่าสนใจของดาวข้างตัวไม่ได้ แต่งงานอยู่กินกันไปจนทุกวันนี้ ส่วนประเทศที่เจ้าหนุ่มของเราอยู่นั้นครองตำแหน่งชนะเลิศติดต่อกันมากว่าสี่สิบสองครั้งจากทั้งหมดหกสิบสี่ครั้ง จนชาติอื่นถอนตัว ทำให้ปัจจุบัน นักกีฬาของเราต้องทำการแข่งขันอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว

ตามที่เล่ามานั้นก็ทำให้ ค. เกิดความคิดเห็นกันว่าควรมีกีฬาอย่างอื่นให้ประชาชนภายในประเทศได้ส่งเสียงเชียร์เมามันกันได้ จึงดำริกีฬาชนิดใหม่นี้ขึ้นมา พร้อมกระแสตอบรับจากประชาชนที่ดีเกิดคาด อ้างตามแบบสำรวจเห็นว่ามีถึง 87% ที่เห็นด้วย ส่วนที่เหลือส่ายหัวพร้อมเอามือกุมหน้า ซ่อนน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้

เอาเป็นว่าเมื่อได้ผู้ชนะในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว ลำดับต่อไปก็เป็นการแข่งขันในระดับภาค ซึ่งตัวแทนแต่ละคนต้องมาแข่งกัน การแข่งกันเป็นไปอย่างทุลักทะเลมากเพราะเหตุว่าคณะกรรมการนัดมาประชุมทีไร มีนักขี้เกียจจำนวนมากไม่มา -- ตามที่คาดไว้, ครับ หมายถึงว่ามันไม่มา ตามที่คาดไว้เลยนั่นแหละ -- แต่สุดท้ายผ่านไปสองปีจึงได้กติการ่วมกันว่า การแข่งขันจะจัดเป็นแบบเรียลอะลิตี้ ซึ่งจะไม่นัดมาแข่งกันแบบกีฬาทั่วไปเพราะว่าทำไม่ได้, ครับ เพราะมันไม่มากันนั่นแหละ จึงเห็นสมควรร่วมกันว่าจะตามติดชีวิตชีวิตนักขี้เกียจ แล้วให้ผู้ชมทางบ้านให้คะแนนโดยส่ง SMS เข้ามาเท่านั้น

และแล้วปีที่สามการแข่งจึงได้เริ่มเสียที หนุ่มนักขี้เกียจของเรา ก็เรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว ผู้ชมต่างถามเข้ามากันว่าถ้าเจ้านี่มันขี้เกียจแล้วทำไมจึงเรียนจบเร็วนัก นักขี้เกียจตอบด้วยท่าทางง่วงเหงาหาวนอนว่า "ขี้เกียจเรียนนานๆ มันน่าเบื่อ" ซึ่งทำให้วันนั้นมียอดโหวตจากทางบ้านเทไปทางหนุ่มคนนี้มากมาย

เวลาผ่านไปผู้เข้าแข่งขันที่คะแนนโหวตน้อยที่สุดในแต่ละเดือน จะต้องออกจากการแข่งขันไป ส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่เล่นกล้องเกินหน้าตาและขยันพูดกับผู้ชมเกินคอนเซ็ปต์ของการแข่งขัน มีบางคนร้องเรียนว่าตนไม่สมควรออกจากการแข่งเพราะเหตุใช้กะทะทอดไข่ดาวกินเองแทนการซื้อนั้น คณะกรรมการเห็นชอบให้แก้ตัวกลับเข้าใหม่ได้หนึ่งครั้ง แต่แล้วก็เสียท่าไปใช้ไมโครเวฟทำไข่ตุ๋นกินเองเสียฉิบ "ผิดซ้ำผิดซาก ห่าเอ๊ย" ครั้งนั้นพนักงานร้านสะดวกซื้อทั้งประเทศต่างคอมเม้นท์เข้ามาให้กำลังใจด้วยคำหยาบคายเสียมากเหลือกำลัง

ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้น ให้สัมภาษณ์ว่าชอบรายการนี้เป็นอย่างมาก บุตรของตนที่บ้านตอนนี้เริ่มเลียนแบบนักกีฬาของเราด้วยการเรียนข้ามชั้นอนุบาลมามัธยมปลายเลย เพราะขี้เกียจเรียนท่อง ก ข ค และหลักสูตรเลขเบื้องต้น แต่มีแหล่งข่าวลึกลับรายงานว่า ท่านเสียเงินให้อาจารย์ใหญ่ไปมากอยู่เพื่อให้บุตรชายกลับมาเรียนชั้น ม.4 ก่อนแทนที่จะไป ม.5 เลย ซึ่งจะไม่ได้เรียนวิชานับดาวเบื้องต้น ตอนที่ 1 ซึ่งท่านจะเสียใจมาก

ฝ่ายค้านเองต่างก็ยินดีกับการแข่งขันครั้งนี้เช่นกัน เพราะไม่มีครั้งไหนเลยนับแต่การแข่งขันนับดาวสิบสองครั้งแรกที่จะทำให้ประชาชนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันรอคอยชมผลการแข่งขันเหมือนอย่างปีนี้ เมื่อถึงสองทุ่มของวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนซึ่งเป็นวันประกาศผลผู้ถูกคัดออกในแต่ละเดือน ถนนจะโล่ง ร้านค้าจะปิด โรงหนังจะงดรอบฉายเรื่องอื่นๆ ทุกคนจะจับจองที่นั่งหน้าจอโทรทัศน์ เพื่อรายการนี้

แต่เดี๋ยวก่อน เหมือนจะเราจะเล่ามาถึงระดับประเทศแล้วอย่างนั้นฤา -- ใช่แล้วครับ การแข่งขันในระดับภาคถูกละเว้นไปเพราะเนื่องด้วยคณะกรรมการขี้เกียจจัดการแข่งหลายที ให้มันจบๆ ไปทีเดียวเลยดีกว่า เขาว่ามาอย่างนั้น

การแข่งดำเนินมาหลายเดือน มีครั้งหนึ่งเจ้าหนุ่มของเราไปสมัครงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ ก็มีผู้ชมติเตือนว่ามันไม่ถูกนะ ถ้าชนะการแข่งนี้ก็จะมีกินไปตลอดชีวิตแท้ๆ แต่เจ้าตัวบอกว่าขี้เกียจรอผลการแข่งขัน วันนั้นหมอนี่ได้คะแนนจากแม่ยกไปอีกจำนวนมากโข ส่วนเรื่องงานน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วงนักขี้เกียจคนนี้ เขาได้งานเป็นโปรแกรมเมอร์ตามสาขาที่เรียนมา ในบริษัทสร้างหุ่นยนต์ชื่อดัง ฝ่ายบุคคลให้ความเห็นว่า ส่วนใหญ่โปรแกรมเมอร์จะขี้เกียจ เพราะขี้เกียจจึงต้องสร้างคำสั่งให้หุ่นยนต์ทำแทนตัวเอง ซึ่งปรึกษากับหัวหน้าฝ่ายซอฟท์แวร์แล้วเจ้านี่น่าจะไปได้ดี

เมื่อถามเรื่องความรักให้แม่ยกใจฟูฟ่องมาบ้าง ก็เป็นดังคาดที่เจ้าตัวเอกของเราไม่มีคู่รักมาก่อน เพราะว่าขี้เกียจหาขี้เกียจวุ่นวายนั่นเอง แต่แล้วเดือนต่อมาเขาก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตน ถามว่าไปจีบกันได้อย่างไร เจ้าตัวอธิบายว่าไปพบกันในรถไฟฟ้าแล้วเห็นเจ้าหล่อนเดินมาไม่มีที่นั่ง มองดูเห็นท่าทางวุ่นๆ เธอเอาหูแนบมือถือโทรศัพท์คุยงานเสียงดัง พร้อมกรีดนิ้วเปิดรายชื่อผู้ติดต่อ แอบฟังได้ว่าคุยกับบริษัทผลิตเสื้อมือสองเรื่องเสื้อเก่าที่จะวางขายในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทสุดสัปดาห์ เขาก็เลยลุกให้พร้อมบอกเธอว่าขี้เกียจปวดใจที่จะเห็นคนสวยเช่นเธอนั้น ต้องทรมานเช่นนี้ จึงคบกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

มาจนถึงวันประกาศผลสุดท้าย เหล่าคณะกรรมการต่างมาพร้อมกันเป็นครั้งแรกในสนามกีฬาแห่งชาติ ผู้คนต่างจับจ้องอยู่หน้าจอ มีแต่เหล่านักขี้เกียจเท่านั้นที่ไม่มา ซึ่งในวันสุดท้ายของการแข่งมีการให้คะแนนทั้งบวกและลบออกจากคะแนนปกติจากคณะกรรมการด้วย บางคนที่หลวมตัวมา ก็กลายเป็นผู้แพ้ไปในวันนั้นเอง

และอย่างที่คาดเดาได้เจ้าหนุ่มนักขี้เกียจของเราชนะคะแนนโหวตรวมอย่างท่วมท้น มีเสียงเฮกึกก้องไปทั่วบริเวณ มีรายงานว่าสุนัขจำนวนมากหนีหายจากบ้านไปเพราะตกใจเสียงเฮในวันนั้น ส่วนเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าวันนั้นเขาผล็อยหลับตั้งแต่เย็นเพราะอ่านหนังสือกลอนเปล่าเล่มหนึ่ง เป็นบทกวีที่ว่าด้วยความว่าง จะหยิบยกคำที่ทำให้สงบขึ้นมาคำละหน้า ทั้งหมดมีอยู่ร้อยหน้า อ่านได้หน้าแรกว่า "แช่มช้า" ก็หลับไป

ต่อมาเขาได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์เครื่องนอนมากมาย มีตัวแทนครีมและน้ำหอมช่วยผ่อนคลายจำนวนมากเข้ามาติดต่อ ทั้งๆ ที่ไม่รับงานก็มีกินมีใช้อยู่แล้ว จนหลายปีต่อมานั้น ค. เห็นชอบร่วมกันให้เลิกรับงานทั้งหลายแล้วกลับไปนอนอยู่บ้านสบายๆ เสียดีกว่า ซึ่งเจ้าตัวก็คัดค้านเพราะขี้เกียจไปนอนแหง่กอยู่โรงพยาบาลเหตุจากหมดเรี่ยวแรงไม่ได้ออกกำลังกาย "ถ้าอย่างนั้นเป็น ค. แล้ว ค. จะเห็นชอบให้ตัวเองเป็นแบบนั้นหรอกหรือ" ดังนั้น ค. จึงได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ทำเป็นเห็นด้วยเพราะขี้เกียจ เถียงไปก็ไม่ได้ความอะไรขึ้นมา

ขี้เกียจเขียนละ สวัสดี.